วิธีคำนวณภาษีป้ายเองแบบง่าย ๆ
ภาษีป้ายเป็นภาษีท้องถิ่นที่จัดเก็บจากเจ้าของป้ายหรือผู้ครอบครองป้าย ตามกฎหมายภาษีป้าย พ.ศ. 2510 โดยป้ายที่ต้องเสียภาษีป้าย ได้แก่ ป้ายที่แสดงข้อความ รูปภาพ หรือเครื่องหมายใด ๆ ไม่ว่าจะทำด้วยวิธีใด ไม่ว่าจะติดหรือตั้งไว้ ณ สถานที่ใด ๆ ก็ตาม เว้นแต่ป้ายที่ไม่ต้องเสียภาษีป้ายตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510
วิธีการคำนวณภาษีป้าย สามารถทำได้ดังนี้
1. กำหนดประเภทของป้าย
ป้ายที่ต้องเสียภาษีป้าย แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
- ป้ายที่มีอักษรไทยล้วน (ก) ป้ายที่มีข้อความเคลื่อนที่หรือเปลี่ยนเป็นข้อความอื่นได้ คิดอัตรา 10 บาท ต่อ 500 ตร.ซม.
- ป้ายที่มีอักษรไทยล้วน (ข) ป้ายที่มีข้อความไม่เคลื่อนที่ คิดอัตรา 5 บาท ต่อ 500 ตร.ซม.
- ป้ายที่มีอักษรต่างประเทศ คิดอัตรา 20 บาท ต่อ 500 ตร.ซม.
2. คำนวณพื้นที่ป้าย
พื้นที่ป้ายคำนวณจากขนาดของป้ายเป็นตารางเมตร ดังนี้
- ป้ายที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า คำนวณจากพื้นที่หน้าตัดของป้าย
- ป้ายที่มีรูปทรงอื่น ๆ คำนวณจากพื้นที่โดยประมาณของป้าย
ตัวอย่างการคำนวณพื้นที่ป้าย
ป้ายที่มีขนาด กว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร เป็นป้ายที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า พื้นที่ป้ายคำนวณจากพื้นที่หน้าตัดของป้าย ดังนี้
พื้นที่ป้าย = 1 ม. x 2 ม. = 2 ตร.ม.
3. คำนวณภาษีป้าย
ภาษีป้ายคำนวณจากอัตราภาษีป้ายคูณด้วยพื้นที่ป้าย ดังนี้
ภาษีป้าย = อัตราภาษีป้าย x พื้นที่ป้าย
ตัวอย่างการคำนวณภาษีป้าย
จากตัวอย่างการคำนวณพื้นที่ป้ายข้างต้น อัตราภาษีป้ายสำหรับป้ายที่มีอักษรไทยล้วน (ข) คิดอัตรา 5 บาท ต่อ 500 ตร.ซม.
ภาษีป้าย = 5 บาท x 2 ตร.ม. x 100 / 500
ภาษีป้าย = 20 บาท
ดังนั้น ภาษีป้ายสำหรับป้ายที่มีขนาด กว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร ที่มีข้อความเป็นภาษาไทยล้วนและข้อความไม่เคลื่อนที่ จะเท่ากับ 20 บาท
เคล็ดลับประหยัดภาษีป้าย
นอกจากการปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมายแล้ว ยังมีเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะช่วยให้ประหยัดภาษีป้ายได้อีกด้วย ดังนี้
- เลือกขนาดป้ายให้เหมาะสมกับความต้องการ
- เลือกวัสดุที่ทำป้ายให้เหมาะสมกับการใช้งาน
- เลือกตำแหน่งที่ตั้งป้ายให้มองเห็นชัดเจน
- หลีกเลี่ยงการใช้ข้อความหรือรูปภาพที่มีรายละเอียดมาก
- เปลี่ยนข้อความหรือรูปภาพบนป้ายให้บ่อยครั้ง
โดยสรุปแล้ว วิธีการคำนวณภาษีป้ายด้วยตัวเองนั้น สามารถทำได้โดยการกำหนดประเภทของป้าย คำนวณพื้นที่ป้าย และคำนวณภาษีป้ายจากอัตราภาษีป้ายคูณด้วยพื้นที่ป้าย นอกจากนี้ ยังมีเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะช่วยให้ประหยัดภาษีป้ายได้อีกด้วย